เมนู

สัตว์จำพวกที่ไม่มีหิริ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่
ไม่มีหิริ สัตว์จำพวกที่ไม่มีโอตตัปปะ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน
กันสัตว์จำพวกที่ไม่มีโอตตัปปะ สัตว์จำพวกที่ทุศีล ย่อมคบค้ากัน ย่อม
สมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่ทุศีล สัตว์จำพวกที่มีปัญญาทราม ย่อมคบ
ค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีปัญญาทราม สัตว์จำพวกที่มี
ศรัทธา ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีศรัทธา สัตว์
จำพวกที่มีหิริ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวกที่มีหิริ
สัตว์จำพวกที่มีโอตตัปปะ ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์จำพวก
ที่มีโอตัปปะ สัตว์จำพวกที่มีศีล ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับสัตว์
จำพวกที่มีศีล สัตว์จำพวกที่มีปัญญา ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน
กับสัตว์จำพวกที่มีปัญญา.
จบทุสสีลสูตรที่ 2

อรรถกถาทุสสีลสูตรที่ 2



ในทุสสีลสูตรที่ 2 บทว่า ทุสฺสีลา ได้แก่ ไม่มีศีล.
จบอรรถกถาทุสสีลสูตรที่ 2

3. ปัญจสิกขาปทสูตร



ว่าด้วยการคบค้าของสัตว์โดยธาตุต่างด้วยศีล 5



[392] ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม

ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุเหล่านั้น
ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า.
[393] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สัตว์ทั้งหลาย ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือ พวกทำ
ปาณาติบาต ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกทำปาณาติบาต พวก
ทำอทินนาทาน ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกทำอทินนาทาน
พวกทำกาเมสุมิจฉาจาร ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกทำกาเม-
สุมิจฉาจาร พวกมุสาวาท ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวก
มุสาวาท พวกดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็น
ที่ตั้งแห่งความประมาท.
[394] พวกเว้นขาดจากปาณาติบาต ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมา-
คบกันกับพวกเว้นขาดจากปาณาติบาต พวกเว้นขาดจากอทินนาทาน
ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกเว้นขาดจากอทินนาทาน พวกเว้น
ขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกเว้นขาดจาก
กาเมสุมิจฉาจาร พวกเว้นขาดจากมุสาวาท ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกัน
กับพวกเว้นขาดจากมุสาวาท พวกเว้นขาดจากดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย
อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวก
เว้นขาดจากดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท.
จบปัญจสิกขาปทสูตรที่ 3

อรรถกถาปัญจสิกขาปทสูตรที่ 3



พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ 3 ในสูตรนั้น บทว่า สุราเมรย-
มชฺชปมาทฏฺฐายิโน
ความว่า คนทั้งหลายดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย
ด้วยเจตนาในความประมาทใด. เจตนานั้นเรียกว่า ความประมาทเพราะ
การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย คนเหล่าใด ตั้งอยู่ในความประมาทนั้น
เพราะเหตุนั้น คนเหล่านั้นตั้งอยู่ในความประมาท เพราะการดื่มน้ำเมาคือ
สุราเมรัย นี้เป็นอธิบายแห่งบทไม่ทั่วไปในสูตรนี้ก่อน.
จบอรรกถาปัญจสิกขาปทสูตรที่ 3

4. สัตตกัมมปถสูตร



ว่าด้วยกรรมบถ 7



[395] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย. . . แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สัตว์ทั้งหลาย ย่อมคมค้ากัน ย่อมสมาคมกัน โดยธาตุเทียว คือพวก
ทำปาณาติบาต ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกทำปาณาติบาต
พวกทำอทินนาทาน ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกทำอทินนา-
ทาน พวกทำกาเมสุมิจฉาจาร ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวก
ทำกาเมสุมิจฉาจาร พวกมุสาวาท ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับ
พวกมุสาวาท พวกพูดส่อเสียด ย่อมคบค้ากัน ย่อมสมาคมกันกับพวกพูด